ประโยชน์ของแก้วมังกร

 

แก้วมังกรเป็นผลไม้ที่หลายๆคนชอบ เป็นผลไม้ที่มีไฟเบอร์ แคโรทีน แคลเซียม วิตามิน B,C สูง ช่วยลดความดันโลหิต ไขมันในเลือด ช่วยล้างปอด ขับสารพิษ บำรุงผิว บำรุงสายตา และอื่นๆอีกมาก พอได้ยินว่าแก้วมังกรมีประโยชน์มากมายขนาดนี้ ก็อยากจะออกไปร้านผลไม้ทันทีใช่มั้ยล่ะ แต่จริงๆแล้วไม่ใช่ทุกๆคนเหมาะกับการกินแก้วมังกรนะ คนที่มีอาการ 10 อย่างข้างล่างนี้ต้องระวังเป็นพิเศษ ลองดูว่าคุณเป็นหนึ่งในนั้นรึเปล่า


1. แก้วมังกรถือเป็นผลไม้เย็น ทำให้ท้องเสียได้ง่าย อาการซีด มือเท้าอ่อนแรง คนที่ร่างกายเย็นไม่ควรกินเยอะ


2. ผู้หญิงไม่ควรกินเยอะ ร่างกายของผู้หญิงจะค่อนข้างเย็น เพราะงั้นพยายามอย่ากินแก้วมังกรเยอะ 


3. อีกอย่าง ผู้หญิงที่กำลังมีประจำเดือน ร่างกายจะเย็นมาก ช่วงเวลานี้ไม่ควรกิน เพื่อหลีกเลี่ยงไม่ให้ไปขัดขวางการไหลของประจำเดือน


4. คนท้องต้องระวังเป็นพิเศษ แก้วมังกรมี Plant albumin เพราะงั้นคนท้องที่มีอาการแพ้ต้องระวัง


5. ไม่ควรรับประทานแก้วมังกรพร้อมกับนม เพื่อหลีกเลี่ยงปัญหาการย่อยอาหาร


6. เวลาเลือกซื้อแก้วมังกรสามารถดูจากเปลือกสีแดงของมัน ยิ่งแดงยิ่งดี อีกอย่างบริเวณ "ใบที่เปลี่ยนรูปไป" ของมันยิ่งเขียวยิ่งแปลว่าสด ถ้ามันเริ่มเป็นสีเหลือง แปลว่าแก้วมังกรผลนั้นเริ่มไม่สดแล้ว เพราะงั้นเวลาเลือกซื้อต้องสังเกตดีๆ


7. ก่อนผ่าแก้วมังกรต้องล้างให้สะอาด จำไว้ว่าต้องล้างเปลือกให้สะอาด เพื่อหลีกเลี่ยงไม่ให้แบคทีเรียบนเปลือกเข้าไปในเนื้อได้


8. ถ้าเป็นแก้วมังกรที่ซื้อมาแบบหั่นเรียบร้อยแล้ว แนะนำให้รีบๆรับประทานให้หมด สถานที่สำหรับเก็บต้องเป็นที่เย็น แต่ห้ามเข้าตู้เย็นเด็ดขาด! เนื่องจากแก้วมังกรถือเป็นผลไม้เขตร้อน ถ้าอยู่ในตู้เย็นโดยที่ไม่มีเปลือกปกป้อง เนื้อแก้วมังกรจะเสียได้ง่าย


9. คนที่ร่างกายมีอาการมีเสมหะ มีเลือดออกควรจะรับประทานให้น้อยลง สามารถทำเป็นน้ำผลไม้ดื่มหลังรับประทานข้าว


10. สุดท้าย หลายๆคนเชื่อว่าแก้วมังกรเป็นผลไม้ที่มีน้ำตาลน้อยเนื่องจากมันไม่ค่อยหวาน แต่จริงๆแล้วน้ำตาลในแก้วมังกรเป็นคนละชนิดกับน้ำตาลผลไม้ในผลไม้ชนิดอื่น มันเป็นกลูโคสที่สามารถดูดซึมได้ง่าย มีน้ำตาลสูง ดังนั้นผู้ป่วยโรคเบาหวานควรรับประทานให้น้อย เพื่อหลีกเลี่ยงน้ำตาลขึ้น


แม้ว่าแก้วมังกรจะมีข้อดีมากมาย แต่ในแง่ของโภชนาการอาหารก็ไม่ควรบริโภคเยอะ รีบๆแชร์ให้เพื่อนๆที่ชอบรับประทานอ่านเลย!



ข้อมูลจาก http://www.liekr.com/post_142897.html