จากประเด็นที่มีการแชร์เรื่อง การแกว่งแขนจะส่งผลให้กล้ามเนื้อฉีกขาด โดยการแอบอ้างหมอศิริราช และพยายามชักจูงให้คนส่วนใหญ่ เลิกออกกำลังกายด้วยท่าแกว่งแขน ทางชีวจิตของยืนยันเลยว่า ประเด็นดังกล่าวนี้ไม่เป็นความจริงแต่อย่างใด
เนื่องด้วยการแกว่งแขน ถือเป็นการออกกำลังกายเพื่อสุขภาพอย่างแท้จริง และได้รับการพิสูจน์แล้วว่า ดีต่อสุขภาพ และช่วยลดความดัน ลดเบาหวาน ลดไขมันในเลือด เหมาะกับผู้สูงอายุและผู้ป่วยที่เป็นหอบหืด แถมยังลดความอ้วนได้อีกด้วย
สำหรับการบริหารร่างกายด้วยการแกว่งแขน จะส่งผลให้เลือดลมภายในไหลเวียนสะดวก และไม่ติดขัด เนื่องจากใต้หัวไหล่ หรือรักแร้นั้นเป็นชุมทางต่อมน้ำเหลือง และการที่จะกระตุ้น ให้น้ำเหลืองไหลเวียนดี ต้องอาศัยการออกกำลังกาย ด้วยการแกว่งแขน ซึ่งจะสามารถช่วยทำให้ต่อมน้ำเหลืองได้ขยับ และน้ำเหลืองสามารถไหลเวียนไปทั่วร่างกายได้ดียิ่งขึ้น ทำให้เรามีสุขภาพร่างกายที่แข็งแรง
การแกว่งแขนที่ถูกวิธี สามารถทำตามได้ง่ายๆ ดังนี้
1. ยืนตรง เท้าสองข้างแยกออกจากกันให้มีระยะห่างเท่ากับหัวไหล่
2. ปล่อยมือทั้งสองข้างลงตามธรรมชาติ อย่าเกร็ง ใช้นิ้วมือชิดกัน หันอุ้งมือไปข้างหลัง
3. หดท้องน้อยเข้า เอวตั้งตรง เหยียดหลัง ผ่อนคลาย กระดูกลำคอ ศีรษะ และปาก ผ่อนคลายตามธรรมชาติ
4. จิกปลายนิ้วเท้ายึดเกาะพื้น ส้นเท้าออกแรงเหยียบลงพื้นให้แน่น ให้แรงจนกล้ามเนื้อโคนเท้า โคนขา และท้องตึงๆ เป็นใช้ได้
5. บั้นท้ายควรให้งอขึ้นเล็กน้อย ระหว่างบริหารต้องหดก้น หรือขมิบทวารหนัก คล้ายยกสูงให้หดเข้าไปในลำไส้
6. ตามองตรงไปจุดใดจุดหนึ่ง สลัดความคิดฟุ้งซ่าน กังวลออกให้หมด ทำสมาธิให้รู้สึกอยู่ที่เท้า
7. แกว่งแขนไปข้างหน้าเบาหน่อย ทำมุม 30 องศากับลำตัว แล้วแกว่งไปข้างหลังแรงหน่อยทำมุม 60 องศากับลำตัว จะทำให้เกิดแรงเหวี่ยง นับเป็น 1 ครั้ง โดยปล่อยน้ำหนักมือให้เหมือนลูกตุ้มแกว่งแขนไปมา โดยเริ่มจากทำวันละ 500 ถึง 1,000-2,000 ครั้ง ซึ่งจะใช้เวลาประมาณ 30 นาที
การแกว่งแขนแต่ละครั้ง ควรใช้เวลาอย่างน้อยประมาณ 10 นาทีต่อครั้ง และอย่างน้อยรวม 30 นาทีต่อวัน
นอกจากนี้ ยังมีเทคนิคง่ายๆ จาก สสส. ที่เห็นถึงความสำคัญของกิจกรรมทางกาย และอยากให้คนไทยมีสุขภาวะที่ดี
ให้คำแนะนำว่าควรแกว่งแขนวันละประมาณ 30 นาที หรือเดินเร็ว 10 นาที แล้วพูดขณะที่เดินว่า ‘มดตัวน้อยตัวนิด มดตัวน้อยตัวนิด มดมีฤทธิ์น่าดู ยู้ฮู’
หากพูดได้ดี หายใจปกติ แปลว่าสมรรถภาพทางร่างกายปกติ
หากพอพูดได้ หายใจแรง แปลว่าสมรรถภาพทางร่างกายปกติ
แต่หากพูดไม่ได้ หายใจหอบ แปลว่าสมรรถภาพทางร่างกายอ่อนแอ
รู้อย่างนี้แล้ว รีบลุกขึ้นมาออกกำลังกาย เพื่อป้องกันไม่ให้ความอ้วนเข้าใกล้พุงเรากันดีกว่า
ข้อมูลจาก : สสส.
โดย ดวงพร เจียรสุธรรมพร
ภาพประกอบจาก สสส. และ istockphoto