โรคตาแดง

ช่วงฤดูฝนเป็นช่วงที่โรคตาแดง หรือ โรคตาอักเสบพบบ่อย   ซึ่งมักเกิดการระบาดในชุมชนที่อยู่ร่วมกัน  แล้วโรคตาแดงคืออะไร  และเกิดขึ้นได้อย่างไร  

 “โรคตาแดง   เป็นการอักเสบของเยื่อบุตาที่เกิดจากการติดเชื้อ  เชื้อที่ทำให้เกิดโรคตาแดงที่พบได้บ่อยได้แก่  เชื้อไวรัส  เชื้อแบคทีเรีย  และที่ทำให้เกิดการระบาดที่บ้านและที่โรงเรียน จะเกิดจากเชื้อไวรัสเป็นส่วนใหญ่ 

โรคตาแดงจากเชื้อไวรัส  

เป็นโรคระบาดทางตาที่พบได้บ่อย  มักมีการระบาดเป็นช่วงๆ  เป็นประจำทุกปี  ส่วนใหญ่เป็นในช่วงฤดูฝน ติดต่อกันได้ง่ายและรวดเร็ว การติดต่อของโรคเกิดโดยตรงจากการสัมผัส การใช้ของร่วมกัน  การไอจาม  แม้กระทั่งการหายใจรดกันก็อาจทำให้เชื้อแพร่กระจายได้  หลังจากได้รับเชื้อแล้วจะทำให้เกิดอาการภายใน 1-2 วัน  และเมื่อเกิดเป็นตาแดงขึ้น  จะมีโอกาสแพร่เชื้อให้ผู้อื่นนานถึง 2 สัปดาห์  โดย ผู้ที่ได้รับเชื้อจะมีอาการตาแดงอย่างเฉียบพลัน  เคืองตามาก เคืองแสง  เจ็บตา  น้ำตาไหล  ตาบวม  มักไม่มีขี้ตาหรือมีขี้ตาเป็นเมือกใสๆ  เล็กน้อย  ถ้ามีการติดเชื้อแบคทีเรียแทรกซ้อนตามมาจึงจะมีขี้ตามาก  บางคนมีต่อมน้ำเหลืองหน้าใบหูโตและเจ็บ  ผู้ที่เป็นตาแดงมักเป็นกับตาข้างหนึ่งก่อน  ต่อมาอีก 2-3 วัน  อาจลุกลามเป็นกับตาอีกข้างหนึ่งได้  ระยะเวลาของโรคนี้จะเป็นนานประมาณ 10-14 วัน

ในบางรายเมื่ออาการตาแดงดีขึ้น  อาจเกิดมีโรคแทรกซ้อนตามมาได้  คือ  กระจกตาอักเสบ  (กระจกตา หมายถึง  ส่วนที่เป็นตาดำ  ลักษณะเป็นวงกลมอยู่ตรงกลางลูกตาด้านหน้า)  โดยผู้ป่วยสังเกตว่ามีอาการตามัวลง  และยังเคืองตาอยู่ทั้งๆ ที่อาการดีขึ้นแล้ว  มักเกิดในช่วงวันที่ 7-10 หลังเริ่มเป็นตาแดง  กระจกตาอักเสบนี้ถ้าไม่ได้รับการรักษาที่ถูกต้องอาจเป็นนานเป็นเดือนกว่าจะหาย 

ส่วนการรักษานั้น ยังไม่มียารักษา โดยเฉพาะ    เนื่องจากโรคนี้เกิดจากเชื้อไวรัส  ดังนั้น  ยาต้านไวรัสต่างๆ  ที่มีอยู่ จึงใช้ไม่ได้ผลกับเชื้อไวรัสชนิดนี้  ส่วนใหญ่จึงให้การรักษาตามอาการ  เช่น

  • ถ้าตาอักเสบมาก  แพทย์อาจพิจารณาให้ยาหยอดลดอาการอักเสบ
  • รับประทานยาแก้ปวด  เช่น  ยาพาราเซตามอลถ้ามีอาการเจ็บตา  เคืองตา
  • ถ้ามีขี้ตา  ให้ใช้สำลีชุบน้ำสะอาด  เช่น  น้ำต้มสุกที่เย็นแล้ว  เช็ดบริเวณเปลือกตาให้สะอาด  ใส่แว่นกันแดด  เพื่อลดอาการเคืองแสง  ไม่ควรใช้ผ้าปิดตาเพราะจะยิ่งทำให้การติดเชื้อเป็นมากขึ้น  งดใส่คอนแทคเลนส์จนกว่าจะหายอักเสบ  พักผ่อนให้เต็มที่และพักการใช้สายตา  ส่วน การป้องกันการติดโรคตาแดงจากเชื้อไวรัส  เป็นสิ่งที่สำคัญเนื่องจากติดต่อกันได้ง่ายมาก  และเมื่อเป็นแล้วก็ยังไม่มียาที่รักษาได้โดยตรง  มักติดต่อในกลุ่มคนที่อยู่ร่วมกัน  ทำงานร่วมกัน  การป้องกันไม่ให้มีการระบาดแพร่กระจายโรคสามารถทำได้โดยการแยกผู้ป่วย  เช่นเด็กเล็กที่ยังไม่รู้จักป้องกันการแพร่กระจายโรค  ควรให้หยุดเรียน  และผู้ที่ทำงานเกี่ยวข้องกับคนจำนวนมาก  ควรหยุดงาน
  • ผู้ที่เป็นไม่ควรจับต้องบริเวณดวงตา  หรือขยี้ตาเพราะเชื้อโรคอาจติดไปยังสิ่งของเครื่องใช้ต่างๆ ได้และไม่ใช้สิ่งของ  เช่น  ผ้าเช็ดหน้า  ผ้าเช็ดมือ  เสื้อผ้าปะปนกับผู้อื่น  ไม่พูดไอจามรดผู้อื่น
  • ล้างมือฟอกสบู่ให้สะอาด

โรคตาแดงจากเชื้อแบคทีเรีย 

จะมีการอักเสบของเยื่อบุตาเช่นเดียวกับเชื้อไวรัส ผู้ที่เป็นจะมีอาการตาแดง เคืองตา เจ็บตา มีขี้ตามากลักษณะข้นๆ แบบหนอง ตื่นนอนตอนเช้ามักมีขี้ตามากจนทำให้เปลือกตาติดกัน อาการมักไม่เฉียบพลันและรวดเร็วเท่าโรคตาแดงจากเชื้อไวรัส โรคนี้เกิดจากการติดเชื้อจึงติดต่อไปยังผู้อื่นได้และพบว่าเป็นได้เรื่อยๆ โดยไม่ต้องมีการระบาดเป็นช่วงๆ สามารถรักษาได้โดยใช้ยาปฏิชีวนะหยอดตาและป้ายตาในช่วงแรก ถ้าเป็นมากแพทย์มักสั่งให้หยอดยาบ่อยๆ เช่นทุก 1-2 ชั่วโมง ถ้าอาการดีขึ้นแล้วให้หยอดยาห่างขึ้นเป็นหยอดทุก 4-6 ชั่วโมง ส่วนยาขี้ผึ้งป้ายตามักให้ป้ายก่อนนอนเพื่อให้ได้รับยาต่อเนื่องไปตลอดทั้งคืน ยาขี้ผึ้งป้ายตาถ้าใช้ในเวลากลางวันจะรบกวนการมองเห็น จึงไม่ค่อยสะดวกในการใช้ ยกเว้นในเด็กเล็ก หลังการใช้ยาอาการมักดีขึ้นภายใน 2-3 วัน และหายภายใน 1 สัปดาห์ การดูแลรักษาอื่นๆ และการป้องกันให้ปฏิบัติในทำนองเดียวกับโรคตาแดงจากเชื้อไวรัส นอกจากจะเกิดจากโรคตาแดงดังได้กล่าวมาแล้ว ยังสามารถพบอาการนี้ในโรคตาอื่นๆ อีกหลายโรค โดยมีลักษณะของเยื่อบุตาเป็นสีแดงๆ คล้ายคลึงกัน บางโรคเป็นโรคที่มีอันตรายอาจทำให้เกิดการสูญเสียสายตาได้ เช่น ต้อหิน กระจกตาติดเชื้อ ม่านตาอักเสบดังนั้นเมื่อเกิดมีอาการตาแดงขึ้น ควรได้รับการตรวจวินิจฉัยจากแพทย์ ไม่ควรซื้อยามาใช้เอง

 

ขอขอบคุณแหล่งที่มา : https://www.bangkokpattayahospital.com/th/healthcare-services/eye-center-th/eye-articles-th/item/557-eye-inflection-th.html