โรควุ้นตาเสื่อมเป็นโรคที่มักจะเกิดกับผู้มีอายุประมาณ
50 ปีขึ้นไป
แต่ปันจุบันกลับพบโรคนี้ในวัยหนุ่มสาวคนทำงานออฟฟิศกันมากขึ้นจนน่าตกใจ
เรียกได้ว่าโรควุ้นในตาเสื่อมเป็นหนึ่งในโรค ที่ทุกคนสามารถเป็นโรคนี้กันได้ งั้นเรามาทำความรู้จักโรควุ้นตาเสื่อมกันเถอะ
วุ้นตาเสื่อมเสี่ยงตาบอดอย่างถาวร
เคยสังเกตไหม
ทำไมจึงมองเห็นเงาดำคล้ายหยากไย่หรือยุงบินไปมา
แต่พอพยายามจ้องมองแล้วมันกลับลอยหายไปอย่างรวดเร็ว
มักมองเห็นชัดเจนขึ้นเวลามองไปบนท้องฟ้าหรือพื้นผนังสีขาว หรือบางครั้งเห็นแสงไฟวาบขึ้นมาในตาทั้งๆ
ที่อยู่ในที่มืด หลายคนคงเคยมีประสบการณ์นี้ และเกิดความวิตกกังวลว่ามันคืออะไร
อันตรายไหม จะทำให้ตาบอดหรือไม่ อาการเหล่านี้เกิดจากภาวะที่เรียกว่า วุ้นตาเสื่อม
(Vitreous degeneration)
วุ้นตาเสื่อมคืออะไร
โดยปกติ ลูกตาเราจะมีวุ้นตา (vitreous) อยู่ภายในช่องตาส่วนหลังเพื่อคงรูปร่างของลูกตา
ตั้งแต่เกิดวุ้นตาจะมีลักษณะเป็นเจลหนืด ใส
ยึดติดกับจอตาที่บุอยู่ภายในลูกตาโดยรอบ ซึ่ง 99% ของวุ้นตาเป็นน้ำ
ส่วนที่เหลือประกอบด้วยโปรตีน เส้นใย เช่น คอลลาเจน กรดไฮยาลูโรนิก
และสารเกลือแร่ต่างๆเมื่อเข้าสู่วัยกลางคนหรืออาจจะเร็วขึ้นในบางภาวะ
วุ้นตาจะเสื่อมตัวกลายสภาพเป็นน้ำ
เส้นใยไฟเบอร์ขนาดเล็กในตาจะหดจับกันเป็นก้อนตะกอนขุ่น
และวุ้นตาจะลอกออกจากผิวจอตา ทำให้เห็นเป็นเงาดำ อาจเป็นจุดเล็กๆ เส้นๆ
หรืออาจเป็นวงๆลอยไปมาในตา เรียกภาวะนี้ว่า posterior vitreous detachment
(PVD) ซึ่งเกิดจากการหลุดลอกของวุ้นตาที่เกาะอยู่เป็นวงรอบขั้วประสาทตา
ขณะที่วุ้นตาลอกตัวจากจอตา
อาจมีการดึงรั้งของวุ้นตาที่จอตาบางบริเวณที่ยึดติดแน่น ทำให้เกิดการฉีกขาดที่จอตา
พบได้ 10-20% ของผู้ป่วยที่มีวุ้นตาเสื่อม
ซึ่งมักทำให้มีอาการเห็นแสงไฟวาบขึ้นในตา โดยจะเห็นชัดเจนในที่มืด
หากปล่อยทิ้งไว้โดยไม่ได้รับการรักษาจะนำไปสู่ภาวะจอตาหลุดลอก (retinal
detachment) และสูญเสียการมองเห็นอย่างถาวรได้
ขอขอบคุณแหล่งที่มา : ศูนย์วิจัยสุขภาพกรุงเทพ
บทความจาก
:
https://www.bangkokpattayahospital.com