กรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุข ห่วงโรคอาหารเป็นพิษ
ปีนี้พบเกิดเหตุการณ์ป่วยหมู่ 2 เหตุการณ์ ล่าสุดที่ จ.น่าน มีผู้ป่วย 130 ราย
มักพบในอาหารที่ปรุงมานานหลายชั่วโมงและทำคราวละมากๆ อาทิ
เมนูข้าวกล่อง แนะวิธีลดความเสี่ยงและป้องกันการป่วย ขอให้ประชาชนยึดหลัก
สุก ร้อน สะอาด
นายแพทย์โอภาส การย์กวินพงศ์ อธิบดีกรมควบคุมโรค กล่าวว่า
กรมควบคุมโรคได้เฝ้าระวังการป่วยจากโรคอาหารเป็นพิษ (Food Poisoning) อย่างต่อเนื่อง
ซึ่งโรคนี้มักจะเกิดขึ้นจากการกินอาหารร่วมกันของคนจำนวนมาก
และมีอาการเจ็บป่วยในเวลาไล่เลี่ยกัน ในปีนี้ได้รับรายงานเกิด 2 เหตุการณ์ ได้แก่ อ.ภูซาน จ.พะเยา เมื่อวันที่ 13 มิถุนายน
2564 พบผู้ป่วยทั้งหมด 200 ราย
และครั้งล่าสุดที่ อ.ภูเพียง จ.น่าน เมื่อวันที่ 5 กันยายน 2564
กรมควบคุมโรคได้ส่งทีมสอบสวนโรคเคลื่อนที่เร็วจากสำนักงานป้องกันควบคุมโรคที่
1 จ.เชียงใหม่
ควบคุมป้องกันโรคร่วมกับสำนักงานสาธารณสุขจังหวัดน่าน
และโรงพยาบาลส่งเสริมตำบลในพื้นที่ พบผู้ป่วยทั้งหมด 130 ราย
ในจำนวนนี้อาการรุนแรงต้องรักษาในโรงพยาบาลน่าน 30 ราย
ที่เหลืออาการป่วยไม่มาก
พบสาเหตุเกิดมาจากรับประทานอาหารชนิดเดียวกัน คือ ข้าวขาหมู
บรรจุในกล่องพลาสติก ที่ได้รับแจกมาจากในงานฌาปณกิจศพ
หลังรับประทานมีอาการท้องเสีย อาเจียน ไข้ หนาวสั่น
ผลการตรวจทางห้องปฏิบัติการตัวอย่างอาหาร พบเชื้อแบคทีเรียก่อโรค 2 ชนิด คือ เชื้อสแตปออเรียส (S.
aureus) พบในน้ำจิ้มและผักดอง และพบเชื้ออี.โคไล (E. coli) ในไข่และในอาเจียนของผู้ป่วย รักษาหายทุกคน ไม่มีผู้เสียชีวิต
อธิบดีกรมควบคุมโรค กล่าวว่า โรคอาหารเป็นพิษ
เกิดจากการรับประทานอาหารหรือดื่มน้ำที่ปนเปื้อนเชื้อแบคทีเรีย ไวรัส
หรือพยาธิและสารพิษทั้งจากพืช สัตว์ สารเคมี หรือโลหะหนัก ภายในระยะเวลาอย่างน้อย 2-6
ชั่วโมง หรือ 2-3 วัน
ผู้ที่ป่วยมักมีอาการคลื่นไส้ อาเจียน ถ่ายอุจจาระเป็นน้ำหรือมีมูกเลือด
ปวดมวนท้องถ่าย ปวดศีรษะ คอแห้งกระหายน้ำ อาจมีไข้ร่วมด้วย ความรุนแรงขึ้นอยู่กับปริมาณเชื้อที่รับเข้าไป
หากเกิดในผู้สูงอายุ อาจทำให้ขาดน้ำถึงขั้นช็อคหมดสติได้ การช่วยเหลือเบื้องต้น
ให้ผู้ป่วยดื่มสารละลายผงเกลือแร่ (ORS) ทีละน้อยๆ
แต่บ่อยครั้ง เพื่อป้องกันไม่ให้ร่างกายขาดน้ำ
หากอาการไม่ดีขึ้นให้รีบพาไปพบแพทย์ทันที ซึ่ง ORS ประชาชนสามารถเตรียมเองได้ง่ายๆ
โดยเติมน้ำตาลทราย 6 ช้อนชา และ
เกลือครึ่งช้อนชา ผสมกับน้ำสะอาด 1 ลิตร (1,000 ซีซี)
อธิบดีกรมควบคุมโรค กล่าวอีกว่า
วิธีการลดความเสี่ยงป่วยและป้องกันโรคอาหารเป็นพิษ ขอให้ประชาชน ยึดหลัก “สุก
ร้อน สะอาด” โดยรับประทานอาหารที่ปรุงสุกใหม่ ไม่รับประทานอาหารดิบ หรือสุกๆ ดิบๆ
อาหารที่เก็บไว้นาน 2 ชั่วโมง ต้องนำมาอุ่นร้อนให้ทั่วถึงก่อนรับประทานทุกครั้ง
เลือกบริโภคอาหาร น้ำและน้ำดื่มที่สะอาดมีเครื่องหมาย อย.
ล้างมือด้วยน้ำสบู่และน้ำสะอาดทุกครั้งก่อนรับประทานอาหาร หลังเข้าห้องน้ำหรือสัมผัสสิ่งสกปรกทุกครั้ง
ผู้ปรุงอาหารต้องล้างมือให้สะอาดก่อนปรุงประกอบอาหารทุกครั้ง
หากมีบาดแผลที่มือควรเลี่ยงการสัมผัสอาหารหรือควรสวมถุงมือทุกครั้ง
อาหารกล่องควรแยกกับและข้าวออกจากกัน
ให้ระวังเรื่องการจัดเตรียมอาหารเป็นพิเศษในกรณีที่มีการประกอบอาหารจำนวนมาก
ผู้ปรุงและผู้สัมผัสอาหารควรใส่หน้ากากอนามัย
สวมถุงมือและเลือกซื้อวัตถุดิบที่สดสะอาดและมีคุณภาพ
รวมทั้งไม่ทำข้าวกล่องประเภทรายการอาหารที่เกิดการบูดเสียง่าย เช่น ข้าวมันไก่ ข้าวขาหมู ขนมจีน เป็นต้น
ส่วนผู้บริโภค ให้เลือกรับประทานอาหารที่ปรุงสุกใหม่
อาหารที่เก็บไว้นานเกิน 2 ชั่วโมง
ต้องนำมาอุ่นให้ทั่วถึงก่อนรับประทานทุกครั้ง ไม่ควรทานอาหารที่มีกลิ่นผิดปกติ
ควรล้างผักและผลไม้ก่อนนำมารับประทานทุกครั้ง
บริโภคน้ำดื่มและน้ำแข็งที่สะอาดได้มาตรฐานผ่าน อย.
และล้างมือด้วยน้ำและสบู่ให้สะอาดทุกครั้งก่อนรับประทานอาหารและหลังจากเข้าห้องน้ำทุกครั้ง
เนื่องจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคโควิด 19 ขอให้หลีกเลี่ยงการเข้าร่วมกิจกรรมที่มีการชุมนุมกันมากๆ
เช่น งานสังสรรค์รับประทานอาหาร หรืองานบุญต่างๆ
และเลี่ยงการรับประทานอาหารร่วมกัน อาจเพิ่มโอกาสเสี่ยงติดเชื้อโควิดได้
สอบถามข้อมูลได้ที่สายด่วนกรมควบคุมโรค โทร.1422
ขอบคุณที่มา : https://www.thaihealth.or.th/