กรมอนามัย กระทรวงสาธารณสุข
เผยข้อมูลประสิทธิภาพของหน้ากากในการป้องกันโควิด-19 พร้อมเน้นย้ำให้สวมอย่างถูกต้องและถูกวิธี
ควบคู่กับการปฏิบัติตามมาตรการป้องกันการติดเชื้อแบบครอบจักรวาล หรือ UP
(Universal Prevention) อย่างเคร่งครัด
ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการป้องกัน
นายแพทย์สุวรรณชัย วัฒนายิ่งเจริญชัย อธิบดีกรมอนามัย กล่าวว่า ประสิทธิภาพของหน้ากากในการป้องกันโควิด-19 นั้น ขึ้นอยู่กับประสิทธิภาพการกรองอนุภาค และความกระชับของหน้ากาก
โดยมีความแตกต่างกันในแต่ละประเภทของหน้ากาก ซึ่งจากผลการศึกษาของ รศ.ดร.พานิช
อินต๊ะ และคณะ ที่เผยแพร่ในวารสารวชิรสารการพยาบาล
ได้เปรียบเทียบประสิทธิภาพการกรองอนุภาคขนาด 0.3 ไมครอน
แสดงให้เห็นว่าหน้ากากผ้าที่ทำจากผ้าที่มีคุณภาพ เช่น ผ้าฝ้ายมัสลิน ผ้าสาลู
ซ้อนอย่างน้อย 2 ชั้น สามารถกรองเพิ่มได้มากขึ้นจากเดิม 53
เปอร์เซ็นต์ เป็น 67 เปอร์เซ็นต์
แต่ต้องเลือกขนาดและปรับสายให้กระชับกับใบหน้า สวมให้คลุมทั้งจมูกและใต้คาง
ให้เปลี่ยนหน้ากากผ้าทุกวัน หรือเมื่อรู้สึกเปียกชื้นในระหว่างวัน
เมื่อกลับถึงที่พักให้ซักด้วยสบู่หรือผงซักฟอก
แล้วนำไปตากแดดให้แห้งก่อนนำมาใช้ในครั้งต่อไป
ส่วนหน้ากากอนามัย
มีประสิทธิภาพกรองอนุภาคได้ 97 เปอร์เซ็นต์
โดยต้องเลือกที่ได้มาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม (มอก.) ซึ่งจะเป็นหน้ากากแบบ 3
ชั้น สวมให้ถูกต้อง ให้กระชับแนบกับใบหน้า
ด้วยการกดแถบลวดให้แนบสันจมูก และดึงหน้ากากให้คลุมถึงใต้คาง
ในสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19 ประชาชนสามารถใช้ได้ ทั้งหน้ากากผ้าหรือหน้ากากอนามัย
เพราะในกรณีที่ผู้มีเชื้อโควิด-19 และผู้ไม่มีเชื้อโควิด-19
ไม่สวมหน้ากากทั้งคู่ นับว่ามีความเสี่ยงสูงมากในการแพร่เชื้อ
หรือหากผู้มีเชื้อโควิด-19 ไม่สวมหน้ากาก
แต่ผู้ไม่มีเชื้อโควิด-19 สวมหน้ากากป้องกันก็ยังนับว่ามีความเสี่ยงสูงเช่นเดียวกัน
การป้องกันที่ดีเพื่อให้มีความเสี่ยงต่ำมากคือ การสวมหน้ากากด้วยกันทั้งคู่
นอกจากนี้ เมื่อต้องไปในพื้นที่เสี่ยงสูง
เช่น พื้นที่ปิดหรือแออัด ให้สวมหน้ากากอนามัยทับด้วยหน้ากากผ้า
ซึ่งจะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการกรองได้ 98 เปอร์เซ็นต์ และทำให้มีความกระชับยิ่งขึ้น ส่วนหน้ากาก N95 มีประสิทธิภาพการกรองอนุภาคได้ 99
เปอร์เซ็นต์ เหมาะสำหรับบุคลากรทางการแพทย์
หรือผู้ที่ใกล้ชิดกับผู้ป่วยติดเชื้อ
เนื่องจากมีความเสี่ยงสูงในการรับสัมผัสเชื้อโควิด-19
ทั้งนี้
แม้ว่าการสวมหน้ากากที่ถูกต้องและถูกวิธี จะเป็นเกราะป้องกันโควิด-19 ได้ดี แต่หากประชาชนปฏิบัติตามมาตรการป้องกันการติดเชื้อแบบครอบจักรวาล หรือ UP (Universal Prevention) อย่างเคร่งครัดควบคู่กันไป
ก็จะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการป้องกันได้มากขึ้นด้วย โดยมีหลักดังนี้ 1) เลือกไปสถานที่ที่มีสัญลักษณ์ CFS, SHA+ และขอความร่วมมือแสดงการได้รับวัคซีนหรือผลการตรวจว่าไม่ติดเชื้อก่อนเข้าสถานที่
2) ให้ปฏิบัติ ตามมาตรการเว้นระยะห่างอย่างน้อย
1 – 2 เมตร ในทุกสถานที่ หลีกเลี่ยงการเข้าไปยังสถานที่แออัด
หรือระบายอากาศไม่ดี และงดใช้ของใช้ส่วนตัวร่วมกัน 3) ล้างมือบ่อย
ๆ ทุกครั้งก่อนและหลังรับประทานอาหาร เข้าห้องน้ำ ไอ จาม
หรือสัมผัสสิ่งของที่ใช้ร่วมกัน และ 4) หากสงสัยว่ามีความเสี่ยง
หรือมีอาการ ควรงดออกจากที่พัก ตรวจตนเองด้วย ATK และปรึกษาสถานพยาบาลใกล้เคียง
ขอบคุณที่มา
: https://www.thaihealth.or.th