องุ่น (Grape) น้ำตาลที่ได้จากองุ่นนั้น
เป็นน้ำตาลที่สามารถดูดซึมได้เร็ว จึงทำให้รู้สึกสดชื่นและให้พลังงานได้เร็ว
และยังช่วยซ่อมแซมส่วนที่สึกหรอการรับประทานองุ่นเป็นประจำจะมีส่วนช่วยในการบำรุงหัวใจ
บำรุงสมอง บำรุงกำลัง แก้อาการกระหายน้ำ และคนที่มีร่างกายผอมแห้งแรงน้อย
ไร้เรี่ยวแรง แก่ก่อนวัย หาก
รับประทานองุ่นเป็นประจำ จะช่วยส่งเสริมร่างกายค่อย ๆ
แข็งแรงขึ้นมาได้
เคพกูสเบอร์รี (Cape Gooseberry) ที่อุดมไปด้วย วิตามินซีที่มีคุณสมบัติป้องกันไข้หวัด ภูมิแพ้ และวิตามินเอที่ช่วยป้องกันอาการตาบอดในที่มืด
บำรุงสายตา บำรุงผิว ผมสวยดกดำ
แครนเบอร์รี (Cranberry) เป็นแหล่งวิตามินและเกลือแร่หลากชนิด
ทั้งวิตามินซี วิตามินอี วิตามินเค 1 แมงกานีส และทองแดง
ซึ่งล้วนเป็นสารอาหารที่มีประโยชน์ต่อร่างกาย และยังอุดมไปด้วยสารชีวภาพหลายชนิดที่มีสารต้านอนุมูลอิสระ
แครนเบอร์รียังมีกรดซาลิไลลิก (Salicylic Acid) ซึ่งเป็นส่วนประกอบสำคัญของยาแอสไพรินที่มีสรรพคุณช่วยบรรเทาอาการบวม
ป้องกันการเกิดลิ่มเลือด และอาจช่วยต้านเซลล์มะเร็งได้
แต่หากบริโภคน้ำแครบเบอร์รีเป็นประจำ
ก็อาจส่งผลให้ระดับกรดซาลิไซลิกในร่างกายเพิ่มสูงขึ้นได้ จนเสี่ยงเกิดเป็นนิ่วในไต
แบล็คเบอร์รี่ (Blackberry) มีส่วนประกอบของวิตามินซีสูงมาก ซึ่งสามารถฟื้นฟูคลอลาเจนได้ดี
ช่วยซ่อมแซมส่วนที่สึกหรอ ช่วยเสริมสร้างภูมิค้มกันและยังมีวิตามินเอ วิตามินอี
ช่วยชะลอการเดริ้วรอยก่อนวัย บำรุงผิว สมานบาดแผล วิตามินบีรวม วิตามินเค
และวิตามินอื่น ๆ ที่ช่วยในการเผาผลาญ อุดมไปด้วยกากใยอาหารช่วยขับถ่าย
มีกรดเอลลาจิก ช่วยในการลดความเสี่ยงการเกิโดรมะเร็ง
ช่วยในการรักษาความสมดุลของฮอร์โมนเพศหญิง ลดโอกาสแท้งบุตรในเพศหญิง
ราสเบอรร์รี (Raspberry) มีสารต้านอนุมูลอิสระ ช่วยกระตุ้นภูมิคุ้มกันในร่างกย มีน้ำตาลต่ำ
จึงช่วยควบคุมน้ำหนักตัวได้ สารสีแดงในราสเบอร์รีเป็นตัวช่วยในการไหลเวียนของโลหิต
ช่วยลดโอกาสแท้งบุตรในเพศหญิง
เพราะราสเบอร์รี่มีโฟลิกที่เป็นตัวช่วยเพิ่มความสมบูรณ์ให้กับตัวอ่อนระหว่างตั้งครรภ์
บลูเบอร์รี (Blueberry) มีสารฟลาโวนอยด์ชนิดหนึ่งหรือที่เรียกว่า แอนโธไซยานิน (Anthocyanin)
ซึ่งเป็นสารที่ประกอบจากพีชที่มีฤทธิ์ในการต้านอนุมูลอิสระ
และมีประโยชน์ต่อร่างกายในด้านอื่น ๆ ด้วย จากการวิจัยพบว่า
การรับประทานบลูเบอร์รี่จะมีส่วนช่วยลดความเสี่ยงเป็นโรคอ้วน โรคเบาหวาน โรคหัวใจ
นอกจากนี้ บลูเบอร์รียังมีประโยชน์ด้านอื่น ๆ เช่น บำรุงสุขภาพผิว บำรุงสายตา
บำรุงกระดูกให้แข็งแรง ลดความดันโลหิต และป้องกันการเกิดโรคหัวใจ เป็นต้น
สตรอว์เบอร์รี (Strawberry) แม้จะมีคำว่าเบอร์รีอยู่ในชื่อ
แต่ผลไม้ชนิดนี้กลับไม่ได้อยู่ตระกูลของเบอร์รี
เพราะสตรอว์เบอร์รีนั้นเป็นผลไม้ที่จัดอยู่ในตระกูลเดียวกับพวกกุหลาบ ที่มีมากกว่า
20 สปีชีส์และมีลูกผสมอีกมากมาย
สตรอว์เบอร์รีนั้นอุดมไปด้วยสารต่อต้านอนุมูลอิสระหลายชนิด ไม่ว่าจะเป็น เควอซิทิน
(Quercetin) เคทเฟอรอล (Kaempferol) แอนโทไซยานิน
(Anthocyanin) ซึ่งสารดังกล่าวมีส่วนช่วยในการยับยั้งสารก่อมะเร็งต่าง
ๆ ได้และยังมีวิตามินซีในปริมาณสูง สร้างเสริมภูมิคุ้มกัน สร้างคอลลาเจนให้ผิวหนัง
ช่วยป้องกันโรคหวัด ช่วยลดอาการภูมิแพ้ ช่วยลดอาการฌรคช่องปากที่เกิดจากการขาดวิตามินซี
ที่มา
เว็บไซต์โรงพยาบาลเปาโล รังสิต www.paolohospital.com